เนื่องจากตรงกับช่วงปิดภาคการศึกษาและช่วงฤดูร้อน โดยมีจำนวนการเสียชีวิตเฉลี่ยปีละ 1,243 คน หรือ วันละ 3.4 คน อัตราการป่วยตายจากการจมน้ำเท่ากับร้อยละ 37.2 นอกจากนี้ ยังพบว่าเพศชายมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าเพศหญิงประมาณ 2 เท่าตัว และเด็กอายุ 5-9 ปี มีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าในทุกกลุ่มอายุ
ทั้งนี้ จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค พบข้อมูลที่น่าเป็นห่วงว่า เด็กมักจะจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกันครั้งละหลายๆ คน เนื่องจากเด็กไม่รู้วิธีการเอาตัวรอดในน้ำและวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง จึงมักกระโดดลงไปช่วยคนที่ตกน้ำ โดยพบว่าเด็กไทยอายุต่ำกว่า 15 ปี ว่ายน้ำเป็นร้อยละ 23.7 และว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดได้ คือ มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ทักษะการเอาชีวิตรอด และทักษะการช่วยเหลือเพียงร้อยละ 4.4 เท่านั้น ทั้งนี้ เด็กที่เรียนหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดจะมีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำถึง 7.4 เท่า มีทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำ 20.7 เท่า และมีทักษะการช่วยผู้ประสบภัยทางน้ำมากกว่าคนที่ไม่ได้เรียน 2.7 เท่า
ดังนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครองจึงควรตระหนักในเรื่องนี้ และสนับสนุนให้เด็กในความดูแลได้เรียนรู้หลักสูตรการว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งนับเป็นมาตรการหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดการป้องกันการจมน้ำของเด็ก โดยการสอนเด็กให้ว่ายน้ำเป็น รู้จักวิธีการเอาชีวิตรอดและวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง เช่น การลอยตัวแบบนอนหงาย การลอยตัวคว่ำ การใช้ขวดพลาสติกเปล่าปิดฝาช่วยในการลอยตัว และรู้จักวิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง คือ ต้องไม่กระโดดลงไปช่วย แต่ให้ช่วยด้วยการตะโกนเรียกผู้ใหญ่ หรือ ใช้อุปกรณ์ในการช่วย หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอด สามารรถโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค
ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์
แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล... รู้สึกไม่สบายตา โดยเฉพาะเมื่อเจอลมแรงๆ หรือแสงแดดจ้า ตาแดงก่ำ คันยุบยิบ น้ำตาไหลตลอดเวลา บางครั้งมีขี้ตาเยอะผิดปกต...
"ต้อหิน" ภัยเงียบที่ค่อยๆ ทำลายเส้นประสาทตา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว ท...