การมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้
Unexplained Infertility
การมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่า คู่สมรสเกิดจากภาวะมีบุตรยากโดยไม่มีสาเหตุ แต่หมายถึงแพทย์ได้ทำการตรวจทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงด้วยเทคโนโลยีทุกอย่างแล้ว แต่ก็ไม่พบสาเหตุที่ทำให้คู่สมรสนั้นไม่มีบุตร ซึ่งพบได้ประมาณ 10 - 15 % การตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุการมีบุตรยากนั้นต้องทำการตรวจ
ฝ่ายหญิง
ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจวัดระดับฮอร์โมน ตรวจอัลตร้าซาวด์เพื่อดูสภาพของรังไข่และมดลูก เอ็กซเรย์ดูมดลูกและท่อนำไข่ (Hysterosalpingogram)หรือส่องกล้องตรวจโพรงมดลูก(Hysteroscopy)
ฝ่ายชาย
ซักประวัติ ตรวจร่างกาย ตรวจวัดระดับฮอร์โมน ตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ (Semen analysis)
ปัจจัยสำคัญในการรักษาคู่สมรสมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ คือ ระยะเวลาของการมีบุตรยาก (Duration of Infertility) และอายุของฝ่ายหญิง ถ้าประสบปัญหามีบุตรยากมากกว่า 2 ปี โอกาสตั้งครรภ์เองตามธรรมชาติ มี
เพียง 1-2 % ต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่คู่สมรสที่มีอายุน้อย มีโอกาสตั้งครรภ์ได้เองตามธรรมชาติ ประมาณ 20% ต่อเดือน ปัญหาทางด้านอายุของฝ่ายหญิง(Ageing) โดยเฉพาะเมื่อมีอายุ 35 ปีขึ้นไป การทดสอบความสามารถในการสืบพันธุ์อาจทำได้โดยการเจาะเลือดตรวจวัดระดับฮอร์โมน FSH และ AMH เพื่อทำการประเมินการทำงานของรังไข่ คู่สมรสที่ฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่า 35 ปี ที่พยายามมีบุตรเองมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุของการมีบุตรยาก เช่น การมีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ การมีภาวะถุงน้ำในรังไข่ (PCOS) หรือการมีติ่งเนื้องอกภายในโพรงมดลูก (Endometrial Polyp) เป็นต้น
ปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปสำหรับการรักษาคู่สมรสมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ แต่ก็มีคู่สมรสหลายคู่ที่สามารถตั้งครรภ์ได้เองภายใน 1-3 ปี หรือฝ่ายหญิงอาจเข้ารับการรักษาไปตามขั้นตอนของการรักษาภาวะมีบุตรยาก โดยเริ่มจากการใช้ยากระตุ้นไข่ เพื่อให้มีไข้สุกหลายใบ แล้วแพทย์จะฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (IntrauterineInsemination) ถ้ายังไม่สำเร็จในการรักษา 3 - 6 รอบ ก็จะใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น IVF หรือ ICSI เข้ามาช่วย ในอนาคตหากความเข้าใจในปัญหาเรื่องการสืบพันธุ์มีมากขึ้นอาจมีวิธีการรักษาคู่สมรสมีบุตรยากที่หาสาเหตุไม่ได้ ให้ประสบความสำเร็จได้มากกว่านี้
แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล... รู้สึกไม่สบายตา โดยเฉพาะเมื่อเจอลมแรงๆ หรือแสงแดดจ้า ตาแดงก่ำ คันยุบยิบ น้ำตาไหลตลอดเวลา บางครั้งมีขี้ตาเยอะผิดปกต...
"ต้อหิน" ภัยเงียบที่ค่อยๆ ทำลายเส้นประสาทตา อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรโดยที่เราไม่ทันรู้ตัว ท...